วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จ๋กรุงเก่ายิงรถทัวร์ น่าน-กทม. ผู้โดยสารเจ็บ1ราย

โจ๋กรุงเก่าป่วนเมือง ยิงใส่รถทัวร์ น่าน - กรุงเทพ ผู้โดยสารถูกลูกหลงเจ็บ 1 ราย ตำรวจปวดหัว สั่งคุมเขมเรื่องปาหิน กลับเจอเหตุการก่อเหตุรูปแบบใหม่แทน...

วันที่ 31 ตุลาคม 2552 เวลา 05.00 น. พ.ต.ท.ชัยรัตน์ ถนอมสุข สารวัตรสอบสวน สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุมีรถทัวร์ถูกกลุ่มคนยิงปืนใส่ ทำให้มีคนเจ็บ จึงรีบออกไปดูที่เกิดเหตุ พร้อม ร.ต.ท.ชรินทร์ สังข์ทรัพย์ศรีเมือง รอง สวป.สภ.นครหลวง เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณ ถนนสายเอเชีย กม 27-28 ขาเข้า กทม. เขต หมู่ 2 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เกิดเหตุเป็นเขตติดต่อกับ อ.บางปะหัน พบรถทัวร์หมายเลขทะเบียน 14-0097 กทม. สาย จ.น่าน- กรุงเทพฯ สีฟ้า ป 1 ปรับอากาศ มีรอยกระจกถูกยิงเข้าด้านขวาของรถ โดยมีนายสว่าง วงค์วาด อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 124 หมู่ 1 ต.และ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน เป็นคนขับรถทัวร์ ภายในที่เกิดเหตุพบรอยเลือดสาดอยู่กับพื้นรถ ทราบว่ามีคนได้รับบาดเจ็บชื่อนางแอน จันทร์คำเรือง อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 67 หมู่ 3 ต.น้ำปั่น อ.เวียงสา จ.น่าน ถูกยิงเข้าที่ข้อศอกด้านขวา กระสุนฝังใน นำส่ง รพ.สมเด็จพระสังฆราช

จากการสอบถามนางแอน ซึ่งเป็นผู้โดยสารมากับรถทัวร์สายนี้ และเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เล่าว่าตนขึ้นรถมาจากน่าน เพื่อจะเข้ากรุงเทพ นอนหลับอยู่ที่เบาะนั่งที่ 7 ด้านขวาของรถ นั่งมาคนเดียว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงอะไรแตกดัง ทำให้ตื่นมาดู ปรากฏว่าตนถูกยิงมีเลือดไหลนอง ได้ตะโกนให้เพื่อนโดยสารทราบแล้วส่ง รพ.สมเด็จพระสังฆราช โดยยังไม่ทราบสาเหตุ

จากการสอบสวนคนขับรถเล่าว่าตนได้ขับรถออกจากท่ารถ จ.น่าน ตั้งแต่เวลา 19.15 น.โดยมีนางบังอร วงค์วาด ภรรยาของตนเป็นพนักงานต้อนรับภายในรถ และมีผู้โดยสารนั่งมาทั้งหมด 25 คน แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นถนนสายเอเซียก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำป่าสักได้ยินเสียงดังแต่ก็ไม่สนใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น กระทั้งผู้โดยสารร้องว่าถูกยิง จึงจอดรถเข้าข้างทาง แล้วนำตัวผู้โดยสารช่วยกันส่ง รพ. และแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาดูที่เกิดเหตุ



ทางด้านเจ้าหน้าที่ออกไปดูที่เกิดเหตุ ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามสกัดจับตัวคนร้าย แต่ยังไม่พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่าหน้าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ยิงกันในกลุ่มกันเอง แต่อาจจะพลาดไปโดนรถทัวร์คันดังกล่าว หรืออีกประเด็น อาจจะเกิดจากความสนุกของกลุ่มวัยรุ่น ที่เลียนแบบกลุ่มปาหินใส่รถแต่กลายเป็นการใช้อาวุธปืนแทน ทางเจ้าหน้าที่คงต้องติดตามหาตัวคนร้ายต่อไป

ทางด้านนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี พล.ต.ต.ชินทัต มีสุข ผบก.จ.พระนครศรีอยุธยา เรื่องเตรียมความพร้อมในวันลอยกระทงโดยให้ตำรวจชุมชนจำนวน 3,000 นาย ช่วยการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ในเรื่องของการปาหินใส่รถ แต่กลับมีเหตุการณ์ยิงใส่รถเสียก่อน จึงต้องติดตามหาตัวคนร้ายมาหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดี

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผู้สูงอายุน่าน ปฏิบัติธรรม เตรียมตัวตาย

ผู้สูงอายุน่าน ปฏิบัติธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เจ้าอาวาสวัดพญาภู อำเภอเมืองน่านระบุผู้สูงอายุร่วมรับฟังการ ปฏิบัติธรรม เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจในโครงการพินัยกรรมชีวิต หรือเตรียมตัวตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ก.ค. นายเสริม ลอวิดาล ประธานสาขาสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย สาขาน่าน ดำเนินงานจัดโครงการปฏิบัติธรรมของผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ ห้องประชุมเทศบาลเมืองน่านโดยมีชมรมเครือข่ายผู้สูงอายุจังหวัดน่านแต่งกายด้วยชุดขาว จำนวน 260 คน เข้าร่วมรับฟังนโยบายและแนวทางการปฏิบัติธรรมของผู้สูงอายุ การฝึกปฏิบัติธรรม ในหัวข้อการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง

เจ้าคุณศรีธีรพงษ์ เจ้าอาวาสวัดพญาภู อำเภอเมืองน่าน กล่าวว่า การที่ผู้สูงอายุร่วมรับฟังการปฏิบัติธรรม เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจในโครงการพินัยกรรมชีวิต หรือเตรียมตัวตาย จะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากจิตอาสาเยี่ยมผู้สูงอายุขณะเจ็บป่วย ด้วยการนำคำสอนและนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มาใช้ในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์วงจรชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวัฎจักรของปุถุชน อีกทั้งยังนำประสบการณ์แนวทางวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องไปถ่ายทอดสู่ลูก หลาน เป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมทางศาสนา และนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อันเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชน ครอบครัว และสังคม ที่สำคัญเป็นการร่วมกันทำบุญน้อมเกล้าฯ ถวาย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 82 พรรษา

ผู้สูงอายุชาวน่าน โดยสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย สาขาน่าน จะร่วมกันแต่งกายด้วยชุดสีขาว ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ 4 ธ.ค. 2552 ในทุกพื้นที่ของตนเองในจังหวัด

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

ชมรมไอทีพีซี ถวายคอมฯ พระปริยัติธรรม จ.น่าน

เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “1 คน 1 ความดี 60 ปี ถวายในหลวง” ได้รับบริจาคคอมพิวเตอร์จากไอที มอลล์ จำนวน 23 ชุด และได้เนคเทคติดตั้งซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส...

31 มี.ค. นายขวัญชัย หลำอุบล รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค ) เป็นประธานในพิธีมอบถวายเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม จ.น่าน โดยมีพระครูพงษ์ศิลป์ เป็นผู้รับถวายจำนวนทั้งหมด 23 ชุด และนายภาณุพงษ์ วงษ์รอด ประธานชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอทีพีซี) เป็นผู้ถวายกิจกรรมการบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์ชุดดังกล่าว เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “1 คน 1 ความดี 60 ปี ถวายในหลวง” โดย ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย



ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการให้สมาชิกชมรมฯ ได้ทำกิจกรรม และทำความดีร่วมกัน โดยครั้งนี้ชมรมฯได้รับบริจาคคอมพิวเตอร์จากไอที มอลล์ เพื่อนำไปทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 23 ชุด ชมรมฯได้ส่งมอบให้กับเนคเทค เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สู่โรงเรียนและชุมชนในพื้นที่ชนบท (School Outreach) โดยเนคเทคได้ติดตั้งระบบปฎิบัติการโอเพนซอร์ส และเนื้อหาการเรียนรู้ในระบบ e-learning เพื่อให้โรงเรียนที่รับบริจาคสามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ และได้ทำพิธีมอบถวายในวัน

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

โรงสีข้าวพระราชทาน จ.น่าน เตรียมพัฒนาเป็นโครงการนำร่อง

โครงการโรงสีข้าวพระราชทาน จ.น่าน เตรียมพัฒนาเป็นโครงการนำร่องสำหรับให้ชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ได้มาเรียนรู้ต่อไป...

จากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า "คนไทยจะกินข้าว ทำไมต้องไปเสียค่าน้ำมันในการขนข้าวเปลือกไปสีในเมือง และขนข้าวสารจากเมืองกลับมายังหมู่บ้าน ทำไมเราไม่คิดสร้างโรงสีชุมชนให้กับเกษตรกรในหมู่บ้าน เกษตรกรก็จะได้สีข้าวเอาไว้กินเอง แกลบที่ได้ ใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง หรือใช้หมักเป็นปุ๋ยคืนกลับสู่พื้นดินให้กับพืช" ดังนั้น บริษัท เกรทอะโกร จำกัด จึงได้ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมโรงสีชุมชน CP-R 1000 ขึ้น โดยเป็นโรงสีขนาดเล็กแต่ให้กำลังการผลิตสูงถึง 1,000 กิโลกรัม(ข้าวเปลือก)ต่อชั่วโมง ทั้งนี้โรงสีข้าวชุมชนดังกล่าวได้จัดสร้างขึ้น และมอบให้วิสาหกิจชุมชนโรงสีข้าวพระราชทาน จ.น่าน ทดสอบดำเนินการ

นายสน คำมินทร์ ประธานโครงการโรงสีข้าวพระราชทาน จ.น่าน เผยว่า จากการดำเนินการมาครบ 1 ปี มีการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรไปแล้ว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,559,291 บาท นอกจากนี้ยังสามารถนำข้าวที่รับซื้อมาแปรรูปเพื่อจำหน่ายเป็นข้าวสารเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,353,144 บาท ในอนาคตเตรียมพัฒนาเป็นโครงการนำร่องสำหรับให้ชุมชนในพื้นที่ต่างๆได้มาเรียนรู้ต่อไป ลักษณะเด่นของเครื่องจักร คือ ให้เปอร์เซ็นต์ข้าวต้นสูง ลดการสูญเสียและการแตกหักของข้าวในแต่ละขั้นตอน สามารถผลิตได้ทั้งข้าวกล้อง-ข้าวขาว และใช้ได้กับข้าวทุกประเภท ที่สำคัญทำงานโดยใช้ผู้ควบคุมเพียงคนเดียว